มานูเอล นอยเออร์ -vs- คาริม เบนเซม่า
หลังจากพลาดเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ บาเยิร์นบุกสอนเชิง บราวน์ชไวก์ 2-0 ค่ำคืนนี้ มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งทีมชาติเยอรมันเตรียมกลับมาเฝ้าเสาตั้งแต่นาทีแรกของเกมใน มาดริด โดยคู่ต่อสู้หลักที่ นอยเออร์ ต้องเผชิญหน้าคือ คาริม เบนเซม่า ตัวเป้าของเจ้าถิ่นที่ปีนี้ลงเล่นเกม ลา ลีกา 32 นัดซัด 17 ประตู อย่างไรก็ดีสำหรับนายทวารวัย 28 ปีรายนี้เคยมีความทรงจำด้านบวกกับการเยือนสเปน เพราะหนสุดท้ายในการมาเมืองหลวงแดนกระทิงดุ นอยเออร์ เซฟจุดโทษของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้และ กาก้า พา "เสือใต้" ทะยานเข้าสู่รอบชิงดำในฤดูกาล 2011/12
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ -vs- ฟิลิปป์ ลาห์ม
ปีนี้พระเอกของ เรอัล มาดริด ยังคงเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดยซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุกีสยิงให้ต้นสังกัดไปแล้วถึง 45 ประตูนับรวมทุกรายการ ซึ่งสถิติดีกว่าหลายทีมที่ยิงรวมกันทั้งสโมสรอีกต่างหาก ดังนั้นการล๊อคตาย โรนัลโด้ จึงเป็นอีกตัวแปรสำคัญและหน้าที่นี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คงไม่ไว้วางใจใครมากไปกว่า ฟิลิปป์ ลาห์ม ผู้เล่นกัปตันทีมที่ฟอร์มโดดเด่นมากสำหรับ "เสือใต้" เวอร์ชั่น กวาร์ดิโอล่า เพราะเล่นได้ทุกตำแหน่งด้วยมาตรฐานผลงานคงเส้นคงวา ทำให้ตัวตัดเกมอาชีพอย่าง ฆาบี มาร์ติเนซ ที่เคยดวล โรนัลโด้ มาบ่อยครั้งสมัยยังเล่นให้กับ แอธ.บิลเบา อาจต้องรอโอกาสข้างสนาม เหตุเพราะนาทีนี้ ลาห์ม ดูจะเป็นคู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อกับแข้งบัลลงดอร์ 2013 มากกว่า
ดาบิด อลาบา -vs- แกเรธ เบล
ข้ามฟากมาอีกฝั่งดูเหมือนภาระของ ดาวิด อลาบา แบ็กซ้ายวัยรุ่นของ "เสือใต้" ที่ถูกยกระดับขึ้นมาอยู่แถวหน้าของฟูลแบ็กระดับโลกในยุคปัจจุบัน ดูจะเจองานยากไม่ต่างจากกัปตันทีมสักเท่าไร เพราะถูกประกบคู่วัดเหลี่ยมกับ แกเรธ เบล ตัวริมเส้นสายพันธ์เวลส์ที่เริ่มปรับตัวเข้ากับต้นสังกัดใหม่และซัดประตูแตะเลข 20 ไปแล้ว ซึ่งคำถามสำหรับฟูลแบ็กทีมชาติออสเตรียคือ โดยธรรมชาติแล้ว อลาบา จะถนัดการเติมเกมมากกว่า เนื่องจากส่วนใหญ่ บาเยิร์น มักเป็นฝ่ายปูพรมบุกใส่คู่แข่ง แต่งานนี้ต้องมาคอยพะวงกับการกระชากลากเลื้อยของ เบล ดูแล้ว อลาบา คงไม่ได้ลอยสูงเหมือนปกติแน่และยังต้องพิสูจน์คุณภาพเกมรับของตัวเองออกมาให้เห็นอีกด้วย
บาสเตียน ชไวสไตเกอร์ -vs- ชาบี อลองโซ่
ท่ามกลางอาวุธหนักที่สองฝ่ายมี เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือจอมทัพผู้ควบคุมสมดุลย์รุก-รับของเกมทั้งสนามเพื่อช่วงชิงพื้นที่แดนกลางและผู้ปิดทองหลังพระของคู่เอกคราวนี้คือการชิงเหลี่ยมระหว่าง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์กับ ชาบี อลอนโซ่ สองกองกลางมากประสบการณ์ผู้ถูกยกย่องว่าผ่านบอลแม่นยำระดับหัวแถวของภาคพื้นยุโรป ซึ่งฟอร์มการเล่นของคู่นี้เรียกได้ว่าเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญต่อบทสรุปของยกแรกที่ เบร์นาเบว อย่างปราศจากข้อสงสัย
ฟาบิโอ โคเอนเทรา -vs- อาร์เยน ร๊อบเบน
ปีกพ่อมดดัตช์ อาร์เยน ร๊อบเบน จะลงดวลกับ เรอัล มาดริด เป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่โบกมือลา "ราชันชุดขาว" มาสวมเสื้อ บาเยิร์น ในปี 2009 โดยผลงานของตัวรุกทีมชาติฮอลแลนด์สมัยตกลงปลงใจมาเป็นลูกน้องของ แบร์นด์ ชูสเตอร์ ที่เมืองหลวงแดนกระทิงดุในปี 2007 ไม่โดดเด่นเหมือนสังกัดอื่น ๆ ของเขา เพราะตลอดช่วงเวลากว่า 2 ปีใน สเปน นั้น ร๊อบเบน มีโอกาสลงสนาม 50 นัดและทำประตูไป 11 ลูกเท่านั้น สำหรับศึกใหญ่คราวนี้ทางวิ่งของเขาน่าจะสะดวกขึ้น เพราะแบ็กซ้ายเบอร์หนึ่งของคู่แข่งอย่าง มาร์เชโล่ บาดเจ็บ ทำให้มีเกณฑ์ว่าจะได้ดวลฟูลแบ็กสไตล์ช้าแต่ชัวร์อย่าง โคเอนเทรา แทน
ดานิเยล การ์บาฆัล -vs- ฟร้องค์ ริเบรี่ 
การเผชิญหน้า บาเยิร์น ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับฟูลแบ็กพลังหนุ่มอย่าง การ์บาฆัล เพราะแบ็กขวาวัย 22 กะรัตรายนี้เคยได้รับไฟเขียวจาก เรอัล มาดริด ปล่อยตัวมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างแดนที่ เยอรมัน กับ เลเวอร์คูเซ่นและลงเล่นให้ "ห้างขายยา" รวม 32 นัด โดยงานนี้ การ์บาฆัล ต้องดวลกับ ฟร้องค์ ริเบรี่ ที่มีแรงผลักดันส่วนตัวคือการพิสูจน์ตัวเองหลังจากเสียตำแหน่งบัลลงดอร์ให้ โรนัลโด้ ทั้งๆที่ฤดูกาลก่อนนั้นเป็นการเล่นปีทองบนเส้นทางอาชีพของเพลย์เมคเกอร์หน้าบากก็ว่าได้
