กระทรวงสาธารณะสุขฝากเตือนมาว่า การดื่มแอลกอฮอล์เพื่อดับร้อน อันตรายถึงชีวิต เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำง่ายขึ้น เมื่อร่างกานขาดน้ำอุณหภูมิในร่างกายจะสูงขึ้น จนถึงขั้นช็อคหมดสติไปแบบไม่รู้ตัว
ยิ่งสงกรานต์ปีนี้ มีแนวโน้มว่าอากาศจะร้อนสุดขีดถึง 40 องศา และเป็นประจำทุกสงกรานต์ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ที่จะเห็นกลุ่มวัยรุ่นทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ตั้งวงดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันอย่างสนุกสนาน ตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนลืมนึกถึงอันตรายตรงนี้ไป ทำให้ปลัดกระทรวงสาธาณสุข นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต แสดงความเป็นห่วง และให้ความเข้าใจที่ถูกต้องว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้คนเราเสี่ยงเป็นโรคลมแดดเพิ่มขึ้น เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้หลอดเลือดใต้ผิวหนังขยายตัว บวกกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว และการที่ต้องปัสสาวะบ่อยขึ้น เพื่อขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย ทำให้เสียน้ำ และเกลือแร่ตามไปด้วย
ซึ่งหากคนเราดื่มแบบสะสม ท่ามกลางอากาศร้อนนานๆ อาการของโรคจะเริ่มที่ตัวร้อนจัด แต่ไม่มีเหงื่อออก เพ้อ หรือหมดสติ ชีพจรเต้นเร็ว ช็อค ผิวหนังแห้งและร้อน ระดับความรู้สึกตัวลดลง การทำงานของอวัยวะต่างๆล้มเหลว กระสับกระส่าย เอะอะ ก้าวร้าว หมดสติ เกร็งและชัก ที่เป็นแบบนี้ เพราะกลไกการทำงานของร่างกาย หลังจากได้รับความร้อน จะมีการปรับตัว โดยส่งน้ำหรือเลือดไปเลี้ยงอวัยวะภายใน ทำให้ผิวหนังขาดเลือดและน้ำไปหล่อเลี้ยง จึงไม่สามารถระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ บางรายอาขถึงขั้นเสียชีวิต
เรื่องนี้ไม่เตือนไม่ได้ เพราะมีข้อมูลจากศูนย์วิจัยปัญหาสุรา ที่บอกว่า ไทยจัดเป็นประเทศที่มีการดื่มแอลกอฮอล์ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก หรืออัตราการดื่มอยู่ที่ 30 % ขณะที่ยุโรปและอเมริกาดื่มสูงถึง 80 % โดยไทยดื่มเบียร์มากที่สุด รองลงมาเป็นสุรากลั่น และหากเปรียบเทียบในระดับภูมิภาคเอเซีย ไทย จัดว่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นอันดับ 3 รองลงมาจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้
จากข้อมูลบอกว่า ผู้ชายเป็นกลุ่มที่ดื่มมากกว่าผู้หญิง แต่หากเปรียบเทียบกับ 2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้ชายมีอัตราการดื่มลดลง ขณะที่ผู้หญิงมีอัตราการดื่มเพิ่มขึ้น แสดงว่าเตือนเฉพาะหนุ่มๆไม่ได้แล้ว ต้องเตือนไปถึงสาวๆคอทองแดงทั้งหลายด้วย