อีกธุรกิจที่น่าจับตามอง โดยการใส่ความเป็นไทยผสานดีไซน์ในธุรกิจมวยไทย ซึ่งไปไกลถึงต่างแดน
กระแส Thai Fight หรือมวยไทยยุคใหม่ นอกจากจะเป็นกีฬาการต่อสู้ที่คนไทยเราให้สนใจอย่างมากแล้ว ยังเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติทั่วโลกอีกด้วย และจากปรากฎการณ์ที่ร้อนแรงนี่เอง จึงนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างในวงการมวยไทย ทั้งรูปแบบการจัดเวทีมวย และองค์ประกอบทางแสง สี เสียง นอกจากนี้แล้ว ยังเชื่อมโยงกับธุรกิจอื่นอย่างหลาก รวมไปถึงแฟชั่นบางอย่างที่เกี่ยวกับมวยไทยอีกด้วย
ปัจจุบันมวยไทย มิใช่เป็นการกีฬาเฉพาะกลุ่มเหมือนในอดีต แต่มวยไทยได้ขยายขอบเขตความสนใจไปยังผู้คนในสังคมวงกว้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ รูปแบบและวิธีการแข่งขันมีการพัฒนา ขณะเดียวกันก็นำเอาศิลปะบันเทิงแขนงต่างๆ มาผสมผสาน เพื่อสร้างความเร้าใจ จนทำให้กระแสความนิยมมวยไทยโด่งดังไปทั่วโลก และทำให้มีชาวต่างชาติทั้งชายและหญิงเดินทางมาฝึกฝนศิลปะมวยไทยตามค่ายมวยต่างๆ ที่เปิดสอนอยู่ในเมืองไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก
จากปรากฎการณ์บนสังเวียนของ "บัวขาว ป.ประมุก" กับลีลาการชกมวยไทยที่หนักหน่วงเร้าใจ เป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงกระแสไทยไฟท์ฟีเวอร์ได้อย่างชัดเจนที่สุด ขณะเดียวกันส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับมวยไทยมีการแข่งขัน และเฟื่องฟูตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์สำหรับการชกมวยไทยที่จะขาดไม่ได้ เช่น กางเกง,เสื้อคลุม,นวม ,และกระสอบทรายสำหรับการฝึกซ้อม สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอุปกรณ์ที่จะขาดไม่ได้
แม้ว่าสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวกับมวยไทยดูเหมือนจะนิ่ง หรือมีลักษณะที่ไม่แตกต่างกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ตรงกันข้ามกลับมีการแสวงหาไอเดียแปลกใหม่ พร้อมทั้งสร้างสรรค์การดีไซน์ จนกลายเป็นแบรนด์ดังไปทั่วโลกด้วยซ้ำ และหนึ่งแบรนด์ดังที่เกี่ยวกับมวยไทย โดยจำหน่ายเฉพาะชาวต่างชาติร่วม 20 ประเทศ จนเป็นที่รู้จักกันอย่างดีก็คือ "Tuffsport" บริษัท ทัฟฟ์ จำกัด ภายใต้การบริหารงานของนักธุรกิจหนุ่มยุคใหม่ "วุฒินันท์ สังข์อ่อง"
'องค์บาก'ผู้จุดกระแส Thai Fight
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับกีฬามวยไทย ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นกระแสนิยมอย่างมากในบ้านเรา อันที่จริงกระแสความนิยมมวยไทยไม่ได้เกิดขึ้นในเฉพาะบ้านเราเท่านั้น ...สำหรับในต่างประเทศแล้ว หนังไทยเรื่อง "องค์บาก" หรือชื่อฝรั่ง Ong Bak ผลงานการกำกับโดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว และแสดงนำโดย ทัชชกร ยีรัมย์ หรือจา พนม ที่ฉายเมื่อ10 กว่าปีที่ผ่านมานั่นก็เป็นตัวจุดกระแสทำให้ชาวต่างชาติสนใจศิลปะมวยไทย และเริ่มตั้งคำถามว่าศิลปะนี้คืออะไร โดยเฉพาะลีลามวยไทยในหนัง ซึ่งจา พนมนำเอาศิลปะไปประยุกต์ผ่านความเป็นหนัง จนทำให้ชาวต่างชาติหันมาสนใจมวยไทยมากขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนนั้น พวกฝรั่งจะรู้จักมวยไทยก็เฉพาะพวกที่มากับคณะทัวร์ที่มาเที่ยวในบ้านเราเท่านั้น" ในทัศนะของ วุฒินันท์ "Tuffsport" แล้ว การที่เกิดกระแสนิยมมวยไทยในบ้านเรานั้น ไม่ใช่ตัวฉุดสินค้าที่เขาผลิตออกมาให้เติบโตมากนัก
"อันที่จริงสินค้าเกี่ยวกับมวยไทยมันจะนิ่งๆ อย่างกางเกงมวยมันก็คือกางเกงมวยนั่นแหละ....แต่สิ่งที่จะทำให้สินค้าเป้นที่น่าสนใจ ก็คือ การออกแบบหรือการดีไซน์นั่นเอง และนี่เป็นสิ่งที่ผมเน้น โดยจะต้องคิดค้นการออกแบบตลอดเวลา ปีหนึ่งอย่างน้อยๆ ต้องออกแบบสิ่งที่แปลกใหม่ออกมาสักสองสามครั้ง"
นอกจากบริษัททัฟฟ์ จำกัด จะผลิตสินค้าที่เกี่ยวกับมวยไทยหลายอย่างแล้ว เขายังทำธุรกิจด้านนี้อย่างครบวงจร แม้กระทั่ง"เวทีมวยไทย"ก็ทำจำหน่ายให้กับชาวต่างชาติด้วย
"การทำเวทีมวยไทยส่งขายยังต่างประเทศนั้น ยังมีน้อยอยู่ แต่ถ้าสั่งมาเราก็จัดทำให้ โดยทางผมไม่ได้ผลิตเอง แต่จะใช้ระบบการจ้างผลิต ส่วนการออกแบบเราจะเป็นคนคิดออกแบบเองทั้งหมด เช่น พื้นเวที เชือก รวมไปถึงการใช้สีสันและลวดลายต่างๆ ถ้ามีลูกค้าจากต่างประเทศสั่งมา เราก็จะจัดส่งให้ทางเรือ"
สำหรับสินค้าหลักๆ ที่ผลิตออกมาอย่างกางเกงมวยไทยนั้น มีหลายราคาตามรายละเอียดของการดีไซน์
"ถ้าเป็นกางเกงที่ทางบริษัทออกมาก็เป็นราคาหนึ่ง แต่ถ้าเป็นกางเกงที่ลูกค้าหรือคนซื้อต้องการจะใส่รายละเอียดและลวดลายที่ตนเองชื่นชอบลงไป เช่น ใส่ชื่อตัวเองลงไปที่กางเกง หรืออยากได้ลวดลายต่างๆ เราก็จัดทำให้ และราคาจะแพงตามความยากง่ายด้วย "
และอีกสิ่งหนึ่งที่เขาบอกว่า ได้ทำขึ้นเป็นแห่งแรกในเมืองไทย ก็คือ "ค่ายมวยยุคใหม่" ที่แตกต่างจากค่ายมวยไทยทั่วไปนั่นเอง
ค่ายมวยโมเดิร์นของคนเมือง
"ค่ายมวยไทยในบ้านเรานั้น จะเน้นการฝึกฝนการเป็นนักมวยอาชีพแทบทั้งสิ้น แต่ค่ายมวยที่ผมทำจะตรงกันข้าม โดยจะเน้นที่การออกกำลังกาย และคนทั่วไปเป็นหลัก ซึ่งเมมเบอร์หรือสมาชิกทั้งหมดจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเมือง สำหรับครูฝึกนั้นจะใช้มืออาชีพมาฝึกสอน นอกจากนี้แล้ว สิ่งที่แตกต่างจากค่ายมวยอื่นๆ และผมคิดว่า เป็นแห่งแรกในบ้านเรา ก็เพราะทุกอย่างในค่ายมวยมีการดีไซน์นั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นการจัดมุม การใช้สี ที่จัดวางอุปกรณ์ รวมไปถึง แสงสีเสียง ทุกอย่างจะดีไซน์อย่างแปลกใหม่ นอกจากนี้แล้ว ยังทำที่พักสำหรับชาวต่างชาติอีกด้วย แต่การทำค่ายมวยของผม ก็ไม่ใช่ธุรกิจใหญ่โตอะไร เพียงแต่ทำด้วยความชอบและไม่เคยเห็นใครทำอย่างนี้มาก่อนเท่านั้น เมื่อก่อนทำอยู่ที่หลักสี่ มันไกลจากเมืองไปหน่อย เดี๋ยวนี้ย้ายมาอยู่แถวๆเอกมัย"
สำหรับสมาชิกที่เข้ามาฝึกมวยไทยในค่ายมวยนั้น วุฒินันท์บอกว่า " จะมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ส่วนชาวต่างชาติจะมีทั้งที่ทำงานในเมืองไทย และเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย แล้วเข้าพักที่แค้มป์ของบริษัท ซึ่งเป็นธุรกิจอีกอย่างหนึ่งที่ทำควบคู่กันไปด้วย โดยส่วนมากแล้วสมาชิกที่มาฝึกมวยไทยจะเน้นการออกกำลังกาย แต่ผลพลอยได้ ก็คือ การเรียนรู้ศิลปะมวยไทย และสามารถจะนำไปใช้ป้องกันตัวได้ อาจเป็นเพราะยุคนี้สังคมเมืองหลวงมีโจรผู้ร้ายมากขึ้นก็ได้ จึงทำให้ผู้หญิงมาฝึกวิชามวยไทยกันเยอะกว่าผู้ชาย"
แนวโน้มเกี่ยวกับมวยไทย วุฒินันท์ มองว่า "คนในบ้านเราตื่นตัวมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะเทรนด์ไทยไฟต์ที่คนบ้านเราสนใจก็ได้ อีกอย่างหนึ่งสื่อต่างๆ รวมทั้งการจัดการแข่งขันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไป จึงทำให้กระแสมวยไทยในประเทศช่วง2-3 ปีที่ผ่านมาคึกคัก ส่วนการเติบโตของธุรกิจสินค้าที่เกี่ยวกับมวยไทยนั้นจะมีมากน้อยแค่ไหนนั้น เขาบอกว่า ไม่มีผลอะไรมากนักกับสินค้าที่เขาผลิต เพราะส่งขายต่างประเทศเท่านั้น ไม่ได้วางขายในตลาดในเมืองไทย
"ดังนั้นสินค้าของผมต้องแสวงหาไอเดียแปลกใหม่ตลอดเวลา นอกจากนี้แล้วยังนำเอาวิทยาการทางวิทยาศาสตร์มาช่วย เช่น เนื้อผ้าที่แห้งง่าย ไม่ซับเหงื่อ หรือนวมจะใช้วัสดุอะไรที่จะทำไม่ให้เหม็นอับ ซึ่งเราจะนำเอาหลักวิทยาศาสตร์มาพัฒนาสินค้าด้วย"
การดีโซน์รูปแบบสินค้าที่แปลกใหม่ คือสิ่งที่ทำให้สินค้าเกี่ยวกับมวยไทยโดนใจคนทั่วโลก!