พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 1 คน จากเหตุเพลิงไหม้ศูนย์อพยพฯ อำเภอขุนยวม ขณะที่ผู้ว่าฯ เผยเกิดกระแสลมเปลี่ยนทิศจึงทำให้ไฟโหมแรงคลอกผู้ลี้ภัยบางส่วนที่กลับไปเก็บข้าวของ
ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ศูนย์อพยพผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านแม่สุริน อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่เป็นแหล่งพักพิงชาวกะเหรี่ยงกว่า 3,000 คน เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 มีนาคม
วันนี้ (24มี.ค.) นางนฤมล ปาลวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่าเช้านี้พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน เป็นชาย ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 36 ศพ ส่วนผู้บาดเจ็บมีกว่า 100 คน และยังคงระดมกำลังค้นหาร่างผู้เสียชีวิตที่คาดว่าจะหลงเหลืออยู่อีก แต่การสื่อสารและการเดินทางเข้าถึงพื้นที่ศูนย์อพยพเป็นไปด้วยความลำบากเพราะอยู่ห่างไกลติดแนวชายแดนไทย-พม่า จึงไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และต้องใช้เวลาเดินทางถึง 2.30 ชั่วโมง ต้องขึ้นเขาคดเคี้ยวและต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือโฟร์วีลส์เท่านั้น จึงเป็นอุปสรรคสำคัญ เบื้องต้นใช้วิธีสื่อสารผ่านวิทยุของทหารเป็นหลัก
พร้อมกันนี้ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงาน 3 แห่ง คือ ที่ตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่อำเภอขุนยวม และภายในพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อประสานให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย และได้ระดมกำลังและสิ่งของเข้าไปช่วย พร้อมตั้งจุดพักพิงชั่วคราวห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร และประสานไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นข้างพื้นที่รอบข้างให้เร่งประกอบอาหารสดแจกจ่ายทั้งมื้อเช้าและกลางวัน ขณะเดียวกันมูลนิธิสว่าง ยูเอ็นเอชซีอาร์ ได้นำน้ำดื่ม เต็นท์ เข้าไปช่วยเหลือเพิ่มเติม
ล่าสุดหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้นำรถผลิตน้ำดื่มเคลื่อนที่ และรถครัวสนามผลิตอาหารกล่องของหน่วยทหารพัฒนา กองบัญชาการทหารสูงสุด เข้าประจำการที่ศูนย์เฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเทศบาลตำบลขุนยวม และพร้อมผลิตน้ำและอาหารกล่องส่งเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว โดยรถครัวสนามสามารถผลิตอาหารกล่องในรอบ 12 ชั่วโมงได้ถึง 2,000 กล่อง
ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮอ่งสอน กล่าวอีกว่า ปกติศูนย์อพยพแห่งนี้ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้เพราะตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำลำธาร นอกจากเคยเกิดปัญหาเรื่องน้ำป่าและดินโคลนถล่ม จึงมีการย้ายบ้านเรือนมาตั้งบริเวณที่ราบเชิงเขา เหตุการณ์ที่ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วเพราะกระแสลมแรง เพลิงไหม้บ้านบางบล็อกเท่านั้นจึงมีผู้ลี้ภัยบางส่วนกลับเข้าไปอยู่ในบ้านเรือน หรือกลับเข้าไปเอาสิ่งของ แต่เมื่อกระแสลมเปลี่ยนทิศทำให้เพลิงลุกลามมาติดบ้านเรือนในบล็อกอื่นจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
