ufa1919 buddy99 mvpatm168 วิเคราะห์บอล
De-sign | 17 / 03 / 2013 10:58

หลังที่ ๑อาคารสุริยานุวัตร
เจ้าของเดิม มหาอํามาตยเอกพระยาสุริยานุวัตร
ที่ตั้ง ถนนกรุงเกษม เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ
เคยใช้เป็น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ปัจจุบันเป็น พิพิธภัณฑ์สุริยานุวัตรเพื่อการพัฒนาประเทศ

หลังที่๒

เจ้าของเดิม มหาเสวกตรี พระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) ลุงของคุณสมัคร สุนทรเวช
ที่ตั้ง อยู่ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์
ปัจจุบัน ใช้เป็นอาคารสำนักงานของมหาวิทยาลัยฯ

หลังที่๓

อาคารวชิรานุสรณ์วชิระพยาบาล (ตึกเหลือง) เดิมเรียกกันว่า บ้านหิมพานต์ หรือ ป๊ากสามเสน เจ้าของเดิม คฤหาสน์ของพระสรรพการหิรัญกิจ (เชย อิสรภักดี) ที่ตั้ง วชิรพยาบาล ปัจจุบัน (เคยได้ยินข่าวจะบูรณะเมืองหลายปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันไม่ทราบความคืบหน้า)

หลังที่๔

อาคารสำนักงานเขตพระนคร เจ้าของเดิม มหาเสวกตรี พระยาอมเรศร์สมบัติ (ต่วน ศุขวณิช)
ที่ตั้ง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
ปัจจุบัน ใช้เป็นอาคารสำนักงานเขตพระนคร

หลังที่๕

บ้านพักเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส เดิมคือ อาคารโรงภาษี รัชกาลที่ 5 พระราชทานให้ประเทศฝรั่งเศส
ที่ตั้ง เจริญกรุงซอย36 ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก กรุงเทพฯ
ปัจจุบัน ใช้เป็นบ้านพักเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ขอบคุณภาพทั้งหมดจากอินเตอร์เน็ต

หลังที่๖

เดิมคือบ้านพักอาศัยของ หลวงฤทธิณรงค์รอน (เจ๊ก แสงมณี)
ที่ตั้ง ภายในโรงเรียนฤทธิณรงค์รอน
ปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์บ้านคุณหลวงฤทธิณรงค์รอน

หลังที่๗

บ้านสงวนสุข เดิมคือ บ้านของพระยาอภัยรณฤทธิ์ (ถวิล อมาตยกุล)
ที่ตั้ง ซอยสงวนสุข ถนนพระราม 5
ปัจจุบัน ที่ทำการสมาคมชาวอุบลราชธานี

หลังที่๘

วังสวนปาริจฉัตก์ เดิมวังของ พระองค์เจ้าหญิงอรประพันธ์รำไพ,พระองค์เจ้าหญิงอดิสัยสุริยาภา และเจ้าจอมมารดาอ่อน
ที่ตั้ง เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

หลังที่๙

เรือนพระยาประชากิจวรจักร เดิม บ้านพักของพระยาประชากิจวรจักร
ที่ตั้ง โรงเรียนอนุบาลวรรณบูรณ์ศึกษา
ปัจจุบัน ใช้เป็นสำนักงาน ข้างบนปิดไม่มีการใช้งาน

หลังที่๑๐

เรือนพระยาสมบัติบริหาร เดิม บ้านพักของ พระยาสมบัติบริหาร (เอื้อ ศุภมิตร)
ที่ตั้ง โรงเรียนพณิชยการสามเสน

หลังที่๑๑

วังกรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์เป็นวังเดิมวังหนึ่งในบริเวณกลุ่มวังที่อยู่เคียงกันริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก เลียบถนนพระอาทิตย์ โดยปัจจุบันเป็นที่ทำการองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ (UNICEF) สร้างขึ้นในราวรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ สมัยรัตนโกสินทร์ จากหลักฐานแผนที่บริเวณกรุงเทพฯ ของกรมแผนที่ทหาร ซึ่งมีการสำรวจในปี พ.ศ.๒๔๕๐, ๒๔๖๔ และ ๒๔๗๓ และพิมพ์ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ - ๖ ปรากฏอาคารหลังนี้แล้ว โดยสันนิษฐานว่าสร้างระหว่าง พ.ศ. ๒๔๔๐ – ๒๔๔๖ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ลักษณะอาคารเป็นตำหนัก ๒ ชั้น โดยปรากฏหลักฐานว่าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาเขตวังของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ (พระราชโอรสลำดับที่ ๘ หรือพระเจ้าลูกเธอลำดับที่ ๑๗ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติจากเจ้าจอมมารดากลิ่น หรือซ่อนกลิ่น) เพื่อใช้เป็นตำหนักที่ประทับของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากร พระโอรสองค์โตในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ ต่อมา หลังการสิ้นพระชนม์ของกรมพระนเรศรวรฤทธิ์ในปี พ.ศ.๒๔๖๘ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากร พระโอรสองค์โตได้โอนที่ดินพร้อมวังให้กับกรมพระคลังข้างที่ และพระราชวงศ์ที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เข้ามาประทับที่วังแห่งนี้พระองค์ต่อมา คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานตำหนักหลังใหม่ ๓ ชั้นสร้างขึ้นในบริเวณใกล้เคียงกัน ซึ่งปัจจุบันคือ อาคารเรือนรับรอง ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (เดิมเรียก ทำเนียบท่าช้าง เนื่องจากเป็นที่พักของนายปรีดี พนมยงค์ ในช่วงพ.ศ. ๒๔๘๘ – ๒๔๙๐) องค์การยูนิเซฟได้ขอเข้าใช้พื้นที่ของวังแห่งนี้ มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๕ โดยทำการเช่าพื้นที่อาคารจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยในตอนต้นใช้เป็นที่ทำการของสำนักงานวางแผนงานสื่อสารเพื่อการพัฒนาแห่งองค์การสหประชาชาติ (UNDP/DTCP) และคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชย์นาวี (Office of Maritime Commission) แต่เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชย์นาวีได้ย้ายออกไป และ DTCP ปิดทำการในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ องค์การยูนิเซฟจึงถือกรรมสิทธิ์เช่าพื้นที่อาคาร แต่เพียงผู้เดียวจนถึงปัจจุบัน

หลังที่๑๒

วังกรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ
ปัจจุบันมูลนิธิเอกชนพัฒนาภูมิภาค

หลังที่๑๓

บ้านพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (นพ ไกรฤกษ์)
ปัจจุบัน สำนักงานตรวจบัญชีกองทัพบก

หลังที่๑๔

เดิมคือ หอการค้าไทย - จีน
ต่อมาคือ ภัตตาคารไทย - จีน (THAI CHINE RESTAURANT)
ปัจจุบัน ร้านอาหาร blue elephant

หลังที่๑๕

บ้านมะลิวัลย์ บริเวณนี้ เดิมเป็นบ้านของเจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรีย คชเสนี) ผู้เป็นปู่ของเจ้าจอมมารดากลิ่น คชเสนี ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และตกทอดมาถึงพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ (พระองค์เจ้ากฤดาภินิหาร) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างตำหนักพระราชทานบนที่ดินนั้น บ้านมะลิวัลย์เป็นตำหนักหลังใหม่ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างพระราชทานแด่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ ในโอกาสที่ทรงเจริญพระชันษาครบ 5 รอบใน พ.ศ. 2460 เป็นอาคารทรงยุโรปก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยา มีท้องพระโรงเป็นหอโถงสูงใหญ่ มีเฉลียงรายรอบชั้นล่าง และมีระเบียงรายล้อมชั้นบน เพดานห้องโถงและหัวเสาปั้นลายปูนเลียนแบบศิลปะขอม ออกแบบโดยนายเออโคล มันเฟรดี (ออกฤทธิ์ หมั่นเฟ้นดี) สถาปนิกชาวอิตาเลียน ก่อสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2460 เมื่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์สิ้นพระชนม์ และเจ้าจอมมารดากลิ่นถึงแก่อสัญกรรมใน พ.ศ. 2466 บ้านมะลิวัลย์ได้ตกทอดมาสู่ทายาท และประสบปัญหาค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ทายาทราชสกุลกฤดากรจึงทูลเกล้าฯ ถวายขายบ้านและที่ดินแก่พระคลังข้างที่ใน พ.ศ. 2469 และได้อยู่ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2478 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล บ้านมะลิวัลย์ใช้เป็นที่พำนักของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หลายท่าน ได้แก่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอ๊อสคาร์นุทิศ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์, พลเอก เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน (อุ่ม อินทรโยธิน), พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา และเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง พ.ศ. 2484-2488 นายปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ผู้เป็นหัวหน้าขบวนการเสรีไทย ได้ใช้บ้านหลังนี้เป็นศูนย์บัญชาการงานใต้ดินของฝ่ายสัมพันธมิตรและขบวนการเสรีไทย นายทหารจากหน่วยสืบราชการลับของอเมริกา (โอเอสเอส) หลายนายเข้ามาปฏิบัติงาน รวมทั้ง พันตรีเจมส์ ทอมป์สัน ผู้ก่อตั้งธุรกิจผ้าไหมไทยจิม ทอมป์สัน และ อเล็กซานเดอร์ แมคโดแนลด์ ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ในปี พ.ศ. 2499 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เช่าบ้านมะลิวัลย์จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อใช้เป็นที่ทำการของสำนักงานองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ จนถึงปัจจุบัน

หลังที่๑๖

วังพระอาทิตย์ หรือ บ้านพระอาทิตย์ วังพระอาทิตย์ หรือ บ้านพระอาทิตย์ เป็นวังเก่าในสมัยรัชกาลที่ 1 และเป็นอาคารอนุรักษ์ ปัจจุบันเป็นสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ บ้านพระอาทิตย์ตั้งอยู่เลขที่ 102/1 ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ สมเด็จพระบิดาโปรดให้สร้างวังพระราชทาน พระองค์เจ้าพงศ์อิศเรศร์ ณ ตำบลที่เรียก ถนนพระอาทิตย์ แต่เดิมสมเด็จกรมพระราชวังบวรฯในรัชกาลที่1 ทรงจัดสรรเป็น บ้านข้าราชการ รวมถึง บ้านพระยาจ่าแสนยากร คุณหญิงแว่น ซึ่งเป็นที่นับถือว่าเป็นเจ้าที่เจ้าทาง ให้เส้นสังเวยตามธรรมเนียม ต่อมาที่ดินนี้ตกทอดมาสู่เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์ เย็น อิศรเสนา) ซึ่งเป็นเสนาบดีกระทรวงวังในสมัยรัชกาลที่ 7 เนื่องจากวังเดิมชำรุดทรุดโทรมลงไปมาก เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ได้สร้างวังขึ้นมาใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2475 ลักษณะอาคารเป็นตึก 2 ชั้นยกพื้นสูงหลังคามุงกระเบื้องว่าว และต่อเดิมเป็นอาคาร 5 ชั้น มียอดโดมประดับอยู่เป็นหลังคาทรงสูงอยู่ด้านหลัง ประดับชายคาและช่องลมด้วยลวดลายไม้ฉลุ อาคารนี้ได้ตกทอดมาสู่ราชสกุลอิศรเสนา คือ หม่อมหลวง สันธยา อิศรเสนา ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อวังให้เป็น "บ้านพระอาทิตย์" ต่อมาได้ขายให้กับเอกชน เป็นสำนักงานของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ บ้านพระอาทิตย์เคยเป็นที่ตั้งของสถาบันเกอเธ่ (สถาบันวัฒนธรรมไทย-เยอรมัน) ระหว่าง พ.ศ. 2505-2533 ซึ่งปัจจุบันย้ายไปอยู่ที่ ซอยอรรถการประสิทธิ์ ถนนสาธรใต้

หลังที่๑๗

อดีต ตำหนักเดิมของของพระองค์เจ้าหญิงมนัสสวาสดิ์
ปัจจุบัน พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย

หลังที่๑๘

วังวาริชเวสม์ อดีต ที่ประทับของพระองค์เจ้าวาปีบุษบากร
ปัจจุบัน ครอบครองการใช้ประโยชน์โดยบริษัทแม็ทชิ่ง สตูดิโอ จำกัด (มหาชน)

หลังที่๑๙

อดีต ตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอัพภันตรีปชา
ปัจจุบัน หอสมุดประวัติศาสตร์การเมือง การพัฒนาประเทศ พรรคชาติไทย

หลังที่๒๐

อดีต พระตำหนักของพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอัพภันตรีปชา
ปัจจุบัน อาคารสำนักงานโรงเรียนพันธะวัฒนา

หลังที่๒๑

ราชตฤณมัยสมาคม

หลังที่๒๒

ห้องอาหารนิวออร์ลีนส์

หลังที่๒๓

บ้านผ่านฟ้า (สยามเฮาส์)

หลังที่๒๔

พระตำหนักเยาวภา ตำหนักที่ตั้งอยู่ในวังสวนสุนันทา สร้างขึ้นในปีพุทธศักราช ๒๔๕๔ ในสมัยรัชกาลที่ ๖ เพื่อถวายเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ซึ่งเป็นสมเด็จพระอัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๘ และ ๙ พระราชธิดา 3 พระองค์ ใน รัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของ พระตำหนักเยาวภา ต่อมาสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี ทรงพระราชทานให้เป็นที่ประทับของพระราชธิดา ในพระบาทพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ทั้ง ๓ พระองค์ คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาพรรณพิไลย และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษบากร ทั้ง ๓ พระองค์นี้ ทรงเป็นพระธิดาบุญธรรมในสมเด็จพระศรีสวรินทิราฯ ด้วย จนกระทั่ง ปีพุทธศักราช ๒๔๗๕ เกิดการเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครอง พระราชธิดาทั้ง ๓ พระองค์ ได้เสด็จประทับ ณ ตำหนักส่วนพระองค์ ณ บ้านสวนนอก ริมคลองสามเสน ในปีพุทธศักราช ๒๕๒๔ อาคารพระตำหนักเยาวภา ได้เปลี่ยนเป็นสำนักงานศูนย์ศิลปวัฒนธรรมของวิทยาลัยครูสวนดุสิต และปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นสำนักภาษาศิลปะและวัฒนธรรม ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้ความรู้ และทำนุบำรุงเผยแพร่ ค้นคว้า ศึกษา วิจัย สร้างสรรค์พัฒนางานด้านศิลปวัฒนธรรม

หลังที่๒๕

เดิมเป็นที่พำนักของท้าววรคณานันท์
ปัจจุบันเป็นที่ทำการของสมาคมชาวจันทบุรี

หลังที่๒๖

เดิมเป็นบ้านของเสนาบดีฝ่ายกรมพระราชวังบวรฯ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมากรมพระราชวังบวรวิชัยชาญทรงซื้อที่ริมแม่น้ำแปลงนี้ เพื่อพระราชทานเป็นวังใหม่ให้กรมหมื่นสถิตธำรงสวัสดิ์ ซึ่งเป็นพระราชอนุชา กรมหมื่นสถิตธำรงสวัสดิ์มาประทับ อยู่จนสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ.๒๔๓๓ และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดฯ ให้เป็นที่รับแขกเมือง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานวังนี้ ให้พระ่เจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบประทับต่อมาจนสิ้นพระชนม์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พ.ศ.๒๔๘๒ ต่อมาวังนี้ได้ตกทอดถึงทายาทราชสกุล ปราโมช เฉพาะในส่วนบ้านเลขที่ ๔๙ และ ๔๙/๑ คือ บริเวณจากกำแพงด้านป้อมพระสุเมรุมายังแนวรั้วด้านที่ติดกับโรงน้ำแข็ง ส่วนที่เป็นโรงน้ำแข็งได้เปลี่ยนผู้ถือครองมานานแล้ว แต่ยังคงมีสภาพอาคารเก่าให้เห็นอยู่บ้าง ปัจจุบันเป็นสำนักงานของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี

หลังที่๒๗

วังบ้านดอกไม้ อดีต วังที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน (พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร)
ปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย

หลังที่๒๘

บ้านสาทร อดีตบ้านของหลวงจิตร์จำนงค์วานิช
ปัจจุบันเป็นตั้งอยู่บนพื้นที่เช่าของโรงแรมเป็นร้านอาหาร

หลังที่๒๙

อดีต เรือนของพลตรีพระยาดำรงแพทยาคุณ
ปัจจุบันสำนักงานศูนย์ดำเนินการเกี่ยวกับผู้อพยพ

หลังที่๓๐

อดีตเรือนเจ้าจอมมารดาเลื่อน ในรัชกาลที่ 5 ปัจจุบัน ทำการของคณะกรรมการโครงการส่งเสริมการจัดทำบัญชีรายได้-รายจ่ายของประชาชน และเป็นที่อาศัย

ดูบอลออนไลน์, ดูบอลสด พื้นที่โฆษณา

สมาชิกโปรดล็อกอินก่อนร่วมแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรกสิคะ