ย้อนหลังกลับไปเมื่อสมัย 20กว่าปีที่แล้ว เชื่อว่าไม่มีเด็กผู้ชายคนไหนไม่รู้จักการ์ตูนฟุตบอล เมดอินเจแปนชื่อดัง เรื่อง “กัปตันซึบาสะ” ที่ทำเอาใครหลายๆคนติดกันงอมแงม และต้องเอาลูกฟุตบอลออกไปเตะเล่นทุกครั้งหลังจบการ์ตูนเรื่องนี้
Fernando Torres ศูนย์หน้าสแปนิช ของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เผยมี ‘โอโซระ ซึบาสะ’ ตัวละครเอกจาก ‘กัปตันซึบาสะ’ การ์ตูนฟุตบอลชื่อดัง เป็นแรงบันดาลใจเริ่มต้นในการเล่นฟุตบอลของตนเอง หากไม่มีการ์ตูนเรื่องดังกล่าว ก็คงไม่ได้มาเป็นนักฟุตบอลซูเปอร์สตาร์ในปัจจุบันนี้
“เมื่อตอนผมยังเด็ก ทุกๆ คนในโรงเรียนต่างพูดถึงกันแต่เรื่องการ์ตูนฟุตบอลจากประเทศญี่ปุ่นเรื่องนี้ในสเปน เรียกชื่อเรื่องนี้ว่า โอลิเวอร์ (ซึบาสะ) ปะทะ เบนจี้ (วากาบายาชิ) ผมเริ่มเล่นฟุตบอลก็เพราะการ์ตูนเรื่องนี้ เพราะน้องชายบังคับให้อ่าน และผมก็หลงรักมันไปเลน ผมอยากเป็น โอลิเวอร์ เพราะเขาเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในสนาม”
ว่ากันว่าญี่ปุ่นเขียน “มังงะ” หรือการ์ตูน ซึบาสะขึ้นมา ก็เพื่อกระตุ้นเร้าให้เยาวชนในชาติทิ้งไม้เบสบอลแล้วหันมาเล่นกีฬาลูกหนังอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อจะได้มีทรัพยากรป้อนเข้าสู้ระบบฟุตบอลอาชีพ ซึ่งจะต่อยอดไปถึงทีมชาติซามูไรในอนาคต เรียกได้ว่า การเป็นมหาอำนาจลูกหนังเอเชียที่ตีตั๋วไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแบบขาประจำของทีมชาติญี่ปุ่นในทุกวันนี้ มีอิทธิพลมาจากตัวเอกการ์ตูนเรื่องนี้ที่มีชื่อว่า “โอโซระ ซึบาสะ” นี่แหละ
ปัจจุบันมีดาวเตะญี่ปุ่นหลายคนก้าวขึ้นมาเป็นซุปเปอร์สตาร์ในลีกยุโรป ก็เพราะได้รับแรงบันดาลใจในวัยเด็กจากการ์ตูนซึบาสะ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “ชินจิ คากาวะ” มิดฟิลด์ทีมชาติซามูไร ของทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงและว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
คากาวะเพิ่งระเบิดฟอร์มสุดยอดด้วยการ กระหน่ำ “แฮตทริก” ยิงคนเดียว 3ลูก ให้แมนฯยูไนเต็ด ถล่มนอริช ขาดลอย 4-0เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว แฮตทริกของ “ชินจัง” ทำเอาเซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือแห่งถิ่นโอลด์แทรฟเฟิร์ด ถึงกับเอ่ยปากชมว่ามันเป็นผลงานที่สุดยอดสำหรับเขา นี่คือการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม แต่ละประตูที่ยิงได้แสดงให้เห็นถึงความชาญฉลาด และความเยือกเย็น โดย “เฟอร์กี้” เชื่อมั่นว่า คากาวะจะยิ่งเก่งขึ้นไปกว่านี้อีกในฤดูกาลหน้า
ขณะที่สื่อในญี่ปุ่นก็พากันยกย่องสตาร์ของพวกเขา โดยระบุว่าคากาวะทำแฮตทริกได้โดยใช้เวลาในอังกฤษเพียง 154วันเท่านั้นย่อนกลับไปดูประวัติและเส้นทางการค้าแข้งของชินอิจิ คากาวะ เขาเกิดเมื่อวันที่ 3มีนาคม 1989 ที่เมืองโกเบ โดยเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพกับเซเรโซ โอซากา ในดิวิชั่น 2ของญี่ปุ่นและเป็นนักเตะแดนปลาดิบคนแรกที่ได้เซ็นสัญญาอาชีพก่อนจบมัธยมปลาย
จุดพลิกผันของคากาวะ ที่ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นดาวคือการเซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทีม “เสื้อเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในปี 2010 ด้วยค่าตัว 350,000 ยูโร ซึ่งเขาใช้เวลาเพียงไม่นานก็แจ้งเกิดกลายเป็นจอมทัพพาทีม “ดอร์ทมุนด์”เถลิงบัลลังก์แชมป์บุนเดสลีกา 2สมัย และเดเอฟเบ โพคาล อีก 1 สมัย ก่อนเจ้าตัวจะกลายมาเป็นสมาชิกใหม่ในถิ่นโอลด์แทรฟเฟิร์ดในซีซั่นนี้
กับทีมชาติญี่ปุ่นคากาวะ พาทีมคว้าแชมป์เอเชียนคัพ ในปี 2011โดยต้องแลกกับอาการบาดเจ็บอย่างหนักที่กระดูกฝ่าเท้า ยอดมิดฟิลด์แดนอาทิตย์อุทัย กล่าวถึงการรับใช้ทีมชาติไว้น่าฟังว่า “แมตช์ทีมชาติมีความสำคัญทุกเกม แม้จะเป็นการอุ่นเครื่อง โดยเขาจะเล่นอย่างเต็มที่และคว้าชัยให้ได้ทุกนัดที่ลงสนาม” และนั่นคือทัศนคติการเล่นทีมชาติที่สมควรยกย่อง และดูไว้เป็นตัวอย่าง โดนเฉพาะนักเตะไทยทั้งหลายในยุคนี้ ที่มักเห็นการเล่นให้สโมสร สำคัญกว่าการติดทีมชาติ !