ระวังบัตรผี

              ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเวลานี้สปอตไลท์ฉายจับไปที่ตัวแทนจาก 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากพรรคประชาธิปัตย์ กับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จากพรรคเพื่อไทย ที่เป็น 2 คนนี้ก็เพราะมองผ่าน "ฐานเสียง" ที่ทั้งสองมีอยู่ในพื้นที่ กทม.
ส่วนผู้สมัครอิสระอีก 3 คนที่พอจะมีลุ้นไปด้วยนั้นต้องลุ้นว่า ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งแต่ไม่ยอมออกมาใช้สิทธิในคราวก่อนกว่า 2 ล้านคน จะออกมาเลือกพวกเขา

              มาซักล้านก็มีลุ้นกันแล้ว

เพราะความจริงฐานเสียงของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เบอร์ 11 ก็มีกลุ่มพลังกรุงเทพฯ อันประกอบไปด้วยกลุ่มกิจการโรงงาน ร้านค้า คนมีเชื้อสายจีน ที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว

              
ขณะที่ คุณสุหฤท สยามวาลา เบอร์ 17 นั่นก็เปิดตัวเปิดวิธีคิดถูกใจวัยโจ๋กันพอสมควร

ส่วน คุณโฆสิต สุวินิจจิต แม้จะมีฐานเสียงไม่ชัดแต่นโยบายวิสัยทัศน์ เป็นผู้บริการมืออาชีพ ก็น่าจะมีคนถูกอกถูกใจอยู่บ้าง

              กลัวแต่ว่าผู้สมัครอิสระเหล่านี้จะมาตัดเสียงกันเอง แทนที่จะได้คะแนนเป็นกอบเป็นกำ พอตัดกันก็จะทำให้กลายเป็นเกือบได้ แต่ถ้าหากเกิดกระแสแรงได้จริงๆ คนกทม.ก็จะได้ผู้ว่าฯ ใหม่ที่ไม่สังกัดพรรค...อีกครั้ง นั่นเป็นเรื่องที่ต้องไปวัดกันในวันหย่อนบัตร แต่พอพูดถึงเรื่องบัตรเลือกตั้งครั้งนี้ จัดพิมพ์ที่โรงพิมพ์ของกองสลาก นัยว่าเพื่อป้องกันบัตรปลอม (คงจะใช้ตรรกะเดียวกับการพิมพ์ลอตเตอรี่ ที่ต้องมีลายน้ำเพื่อป้องกันการปลอม) แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เลือกตั้งแทบทุกครั้งก็มักจะเจอกับปัญหาบัตรเลือกตั้งปลอม บัตรเกิน บัตรผี
             ใครที่คิดว่ากรุงเทพมหานครเมืองฟ้าอมร เจริญรุ่งเรืองกันขนาดนี้คงไม่มีใครกล้าทำทุจริตโต้งๆ แบบนี้แน่ ก็อาจจะต้องคิดใหม่ เพื่อชัยชนะที่เดิมพันเอาไว้สูงลิบ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
             ข้อมูลจากหน่วยงานด้านการข่าวกับ กกต.ค่อนข้างไปในทางเดียวกันว่า 50 เขต ของ กทม.มีโอกาสเกิดเรื่องแบบที่ว่าราวๆ 5-6 เขต เข้าใจว่า ข้อมูลนี้จะตรงกับสิ่งที่ 2 พรรคใหญ่ได้ยินมา จึงเร่งระดมคนไปประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วย เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงอันผิดปกติเกิดขึ้น
             บทเรียนจาก "บัตรผี" บางคนเคยเจอมาแล้ว นำอยู่ดีๆ พลิกตกเก้าอี้แบบไม่รู้ตัว