พรีวิว พรีเมียร์ ลีก นัดที่ 15
"ดิดิเยร์ ดร็อกบา กลับเข้าสู่ร่างอวตารได้อีกครั้ง"
สองทีมยักษ์ใหญ่แห่งเมืองแมนเชสเตอร์เพิ่งได้รับความอับอายหลังจากที่กระเด็นตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกมาสดๆร้อนๆ ส่งผลให้ต้องพยายามหาทางระบายความอัดอั้นตันใจในเกมลีกปลายสัปดาห์นี้แทน ซึ่งทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นมีคิวเปิดรัง "โอลด์แทร็ฟฟอร์ด" ต้อนรับการมาเยือนของ วูลฟ์แรมป์ตัน ซึ่งในเกมนี้ทางเจ้าบ้านจะต้องขาด เนมันย่า วิดิช กัปตันเซอร์บิเนเตอร์เนื่องจากได้รับบาดเจ็บหนักมาจากเกมที่แพ้ บาเซิ่ล
ส่วนทางด้าน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีโปรแกรมออกไปเยือน "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ในกลางดึกคืนวันจันทร์ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่งานง่าย เพราะทีมของ อังเดร วิลลาส-โบอาส อยู่ในช่วงที่กลับมาสร้างสรรค์ผลงานได้บรรเจิดอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม็ทช์กลางสัปดาห์ที่เพิ่งสวมใจสิงห์ขย้ำ บาเลนเซีย 3-0 พร้อมคว้าตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม
อย่างไรก็ตาม เชลซี ต้องพยายามยัดเยียดสถิติปราชัยเป็นครั้งแรกของฤดูกาลให้กับ ซิตี้ ให้จงได้ เพราะถ้าหากปล่อยให้ทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ บุกมาเก็บสามคะแนนเต็มในครั้งนี้ จะทำให้พวกเขาโดน ซิตี้ ทิ้งห่างออกไปเป็น 13 คะแนน ซึ่งทำให้ความหวังในการลุ้นแชมป์มีอันต้องจบลงก่อนเวลาอันควร โดยคาดว่าเกมนี้ แฟรงค์ แลมพาร์ด มิดฟิลด์ดีกรีทีมชาติอังกฤษที่ถูกดร็อปไปเมื่อเกมกลางสัปดาห์น่าจะกลับมามีรายชื่ออยู่ในโผ 11 ผู้เล่นตัวจริงอีกครั้ง
ในขณะที่ อาร์เซน่อล จะเปิดรัง "เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม" รอรับการมาเยือนของ เอฟเวอร์ตัน ในคืนวันเสาร์ ซึ่งแน่นอนว่าหากทีมจากเมืองหลวงต้องการเกาะติดสถานการณ์ลุ้นแชมป์ยาวๆ พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากต้องเก็บสามคะแนนเต็มให้เป็นคำตอบสุดท้าย และถ้าหากผลของคุ่ระหว่าง เชลซี กับ ซิตี้ จบลงด้วยการเสมอกัน จะทำให้ความมันส์ในการลุ้นแชมป์ในปีนี้เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
